วัดท่าตอน

ยุคล้านนา (พุทธศตวรรษที่ 19-25)

วัดท่าตอนพระอารามหลวงนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า สถาปนาขึ้นเมื่อใด มีเพียงหลักฐานคำบอกเล่าว่า บริเวณที่ตั้งวัดท่าตอนในปัจจุบัน เคยมีพระเจดีย์อิฐเก่าแก่ของวัดโบราณที่ไม่ทราบชื่อซึ่งร่วงโรยกลายเป็นวัดร้าง มีผู้ค้นพบพระเจดีย์เมื่อ พ.ศ. 2479 จึงได้สถาปนาวัดขึ้นใหม่ที่บริเวณนี้ รวมทั้งซ่อมแซมพระเจดีย์ด้วยการสร้างพระเจดีย์ใหม่ครอบพระเจดีย์เดิม
พระเจดีย์อิฐโบราณที่พบแถบบริเวณใกล้เคียงวัดท่าตอนมีหลายแห่ง
โดยเฉพาะตามวัดร้างริมแม่น้ำฝางช่วงที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำกกที่บ้านท่าตอน เช่น

  1. เจดีย์วัดส้มสุข (ส้มสุก)
  2. เจดีย์วัดพระธาตุสบฝาง

เจดีย์บางแห่งมีคําบอกเล่าว่าสถาปนาขึ้นตั้งแต่ก่อนยุคล้านนา แต่ลักษณะสถาปัตยกรรมเจดีย์ ที่เห็นในปัจจุบันคือแบบล้านนา น่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 21-22 จึงสันนิษฐานว่า พระเจดีย์เก่า วัดท่าตอนน่าจะสร้างสมัยเดียวกันพระพุทธรูปบางองค์ซึ่งประดิษฐานในวัดท่าตอน สันนิษฐานว่า มีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ

  1. น่าจะรวบรวมจากวัดใกล้เคียงหรือ
  2. อาจจะประดิษฐานในวัดท่าตอนมาโดยตลอด (แม้จะเป็นวัดร้าง)

เมื่อพิจารณาจากหลักฐาน คือจารึกที่พบบนฐานพระพุทธรูป และการกําหนดอายุทางพุทธศิลป์ ก็พออนุมานได้ว่า วัดท่าตอน คือพุทธสถานที่น่าจะสถาปนาและรุ่งเรือง อยู่ในช่วงระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21-22

ยุคปัจจุบันของวัดท่าตอน เริ่มนับตั้งแต่ พ.ศ. 2479

ประวัติวัดท่าตอนยุคปัจจุบัน ระบุว่า เมื่อ พ.ศ. 2479 ครูบาแก้ว กาวิชโช จากสํานักวัดมงคลสถาน (แม่เหลงดอนชัย) อําเภอแม่อาย และครูบาป่า จากสํานักวัดน้ำบ่อหลวง ธุดงค์มาพบวัดร้างและ พระเจดีย์เก่า จึงบูรณะให้เป็นวัดกลับขึ้นมาใหม่ และสร้างพระเจดีย์ใหม่ครอบพระเจดีย์องค์เดิม)
มีสํานวนประวัติการบูรณะวัดท่าตอนที่รับรู้กันกว้างขวางอีกว่า “เมื่อคราวครูบาศรีวิชัยขึ้นมาบูรณะพระธาตุสบฝาง พอมาถึงท่าตอน ท่านได้บอกชาวบ้านว่าขึ้นไปหาพระธาตุบนเขา ชาวบ้านก็พากันขึ้น ไปถางป่า ก็เจอพระธาตุเก่าแก่อยู่ในพุ่มไม้ จึงนิมนต์ท่านบูรณะ แต่ท่านไม่รับ ท่านบอกให้นิมนต์ ครูบาแก้ว กาวิชัย (กาวิชโช) มาบูรณะเพราะเป็นของคู่บารมีท่าน ชาวบ้านก็พากันไปนิมนต์ครูบาแก้ว มาบูรณะและสร้างวัดขึ้น เรียกว่า วัดจอมคีรี กลายมาเป็นวัดท่าตอนในปัจจุบัน”

ข้อมูลที่เผยแพร่เรื่องประวัติวัดท่าตอน สรุปได้ว่า

วัดท่าตอน ในอดีต คาดว่าน่าจะเป็นพุทธสถานที่สถาปนาอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 21 – 22 โดยคาดคะเนจากหลักฐานที่พบ ทั้งโบราณสถาน และโบราณวัตถุ ต่อมา วัดท่าตอน ได้กลายเป็นวัดร้างอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พ.ศ. 2479 มีชาวบ้านพบพระธาตุร้างอยู่ในพุ่มไม้ จึงนําความไปกราบเรียนให้ครูบาศรีวิชัยขณะที่ท่านเดินทางมาบูรณะพระธาตุสบฝาง ขอให้ช่วยมาบูรณะพระธาตุร้างของวัดท่าตอนด้วยอีกหนึ่งแห่ง แต่ครูบาศรีวิชัยเสนอให้ชาวบ้านไปนำครูบาแก้ว กาวิชโช มาบูรณะแทน เมื่อครูบาแก้ว ได้เดินทางมาบูรณะสร้างเป็นวัดขึ้นมาใหม่และสร้างพระเจดีย์ใหม่ครอบพระเจดีย์เก่าแล้ว วัดได้มีชื่อว่า วัดจอมคีรี ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดท่าตอน ในภายในหลัง และใช้ชื่อนี้มาจนปัจจุบัน

ทำเนียบเจ้าอาวาส

  1. ครูบาแก้ว กาวิชโช (พ.ศ. 2479 – 2489)
  2. พระดวงดี จนทสุวณฺโณ (พ.ศ. 2489 – 2496)
  3. พระสิงห์คํา มูลธิมา (พ.ศ. 2496 – 2498)
  4. พระบุญมา ญาณวุฑโฒ (พ.ศ. 2500 – 2515)
  5. พระคํา รกุขิตธมุโม (พ.ศ. 2515 – 2517)
  6. พระเทพมังคลาจารย์ (พ.ศ. 2517 – ปัจจุบัน)

วัดท่าตอนเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ได้รับการยกฐานะจากวัดราษฎร์เป็นพระอารามหลวงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2534 เนื้อที่ 425 ไร่เศษ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาลาดชัน ประกอบด้วยอาคารต่าง ๆ สร้างบนยอดเขา ต่อเนื่องหลายลูก ที่สําคัญคือ พระอุโบสถ พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์ (พระเจดีย์แก้ว) พระพุทธนิรันดรชัย (ปูนปั้น หน้าตักกว้าง 9 เมตร) พระพุทธรูปปางสมาธินาคปรก (ปูนปั้น หน้าตักกว้าง 7 เมตร) พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร (ปูนปั้น สูง 9 เมตร) สิ่งก่อสร้างเหล่านี้บางแห่งใช้เป็นที่ปฏิบัติกรรมฐานภาวนา นอกจากนั้น วัดท่าตอนยังเป็นสํานักศาสนศึกษาแผนกธรรมบาลี และสายสามัญศึกษา เป็นสํานักปฏิบัติธรรมและศูนย์อบรมคุณธรรม จริยธรรม ที่สําคัญของจังหวัดเชียงใหม่ตอนบนในเขตอําเภอฝาง อําเภอไชยปราการ และอําเภอแม่อาย
งานด้านการศึกษาและกายภาพของวัดท่าตอนเจริญรุดหน้าและโดดเด่นเป็นอย่างยิ่งในช่วงเวลาคาบปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากการนําพาโดยพระเทพมังคลาจารย์

ที่มา
  1. หนังสือเรื่อง กฐิน จัดพิมพ์โดย กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 2561(พ.ศ. 2479 – 2489)
  2. หนังสือที่ระลึกในโอกาสงานกฐินพระราชทาน ประจำปี 2565 บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

ข้อมูลเรียบเรียงโดย : นายภูธร ภูมะธน

About admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *